วันพฤหัสบดีที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2559

หากเพื่อนยืมรถไปแล้วชนคนตาย ประกันคุ้มครองอย่างไรบ้าง น๊า......




Q : พี่หมีครับถ้าเพื่อนยืมรถเราไปขับแล้วไปคนชนตาย ประกันคุ้มครองไหมครับ
A : ถ้าทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ประกันคุ้มครองแน่นอนครับ บริษัทประกันจะถือว่าคนที่ขับขี่รถคันนั้นได้รับความยินยอมจากผู้เอาประกันภัยเหมือนเป็นผู้เอาประกันเอง แต่มีเงื่อนไขอยู่ 2 ข้อว่า
1. บุคคลนั้นต้องปฏิบัติตนเสมือนหนึ่งเป็นผู้เอาประกันภัยเอง และอยู่ภายใต้ข้อกำหนดกรมธรรม์นี้
2. ทายาทของผู้เสียชีวิตจะได้รับการชดใช้ค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัย ภายในวงเงินสูงสุดไม่เกินวงเงินที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ และถึงแม้ว่าทำกรมธรรม์ประกันภัยแบบระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ หากผู้ที่ขับขี่รถในขณะเกิดอุบัติเหตุชนคนตายเป็นผู้ที่ไม่ได้ระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ กรมธรรม์ประกันภัยก็ยังให้ความคุ้มครองตามปกติครับ
ขอขอบคุณ ข้อมูลดีๆจาก TQM 
เผยแพร่โดย insurance88.blocksport.com
หรือปรึกษา เรื่องประกัน ได้ที่ เบอร์ 094-525-8696 ครับ

วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

รู้หรือยังว่า..... เคลมประกัน : คืออะไรกัน แน่..... แบบสดและแบบแห้ง แต่เอ๊ะ ??? มันอย่างไง ชักอยากรู้แล้วล่ะซิ ไปดูกันครับ

        เมื่อเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ สิ่งที่เสียหายที่เห็นได้ชัดที่สุด คือ รถยนต์ที่อยู่ในอุบัติเหตุ และตามความเข้าใจสิ่งแรกที่ผู้ขับขี่จะต้องทำ คือ รีบโทรแจ้งบริษัทประกันภัยที่ตนทำสัญญาด้วยทันที เพื่อให้พนักงานเข้ามาเจราจาไกล่เกลี่ย ไปจนถึงทำเรื่องเคลมประกันภัยรถยนต์ครับ แต่วิธีนี้ง่ายจริงแล้วหรือ? หลายท่านคงจะบอกว่าไม่ง่ายอย่างพูดนะครับ
        การ เคลมประกัน ภัยรถยนต์ให้ง่าย และรวดเร็วนั้น เป็นสิ่งที่ผู้ทำประกันทั้งหลายต่างใฝ่ฝัน เพราะส่วนใหญ่จะต้องเจอตั้งแต่พนักงานมาถึงที่เกิดเหตุช้า ตกลงกับคู่กรณีไม่ได้ ตกลงกับประกันฝ่ายคู่กรณีไม่ได้ ประกันภัยไม่ยอมจ่าย แถมขั้นตอนอื่นๆ ที่วุ่นวาย ยุ่งยากอีกมากมาย มาดูกันดีกว่าครับว่ามีวิธีไหนที่เราจะสามารถเคลมได้เร็ว เคลมได้ง่ายบ้าง
        ประการแรก มาเรียนรู้กันก่อนนะครับว่า ลักษณะการเกิดเหตุ การเคลมนั้น แบ่งออกได้เป็น 3 แบบ คือ…

1. เคลมแห้ง



        เคลมแห้ง หมายถึง การเคลมประกันรถยนต์ สำหรับรถที่เกิดเหตุมานานแล้ว แต่เพิ่งมาแจ้งเหตุกับบริษัทประกันภัยนั่นเองครับ เช่น มีรอยขูดขีด เนื่องจากการเฉี่ยวชน ถอยหลังชนกำแพง เป็นต้น โดยปกติแล้ว การเคลมแห้งมักจะเป็นการเคลมโดยไม่มีคู่กรณี ซึ่งจะทำให้ผู้เคลมประกันเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม บางครั้งอาจจะเป็นความประมาทของเรา บางครั้งอาจจะเป็นเพราะคนอื่นถอยมาชนบ้าง สาเหตุอื่นบ้าง ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุและมีคู่กรณี คุณก็ควรรีบโทรแจ้งไปยังบริษัทประกันภัยในทันที พร้อมทั้งขอข้อมูลของพนักงานที่จะมาเคลมให้ด้วย เช่น ชื่อ-นามสกุล เบอร์ติดต่อกลับ เพื่อที่คุณจะได้ตามงานได้สะดวกครับ
        อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะนำรถเข้าซ่อมที่อู่ คุณควรนำเอกสารต่างๆ ไปให้ครบถ้วนด้วย เช่น ใบขับขี่ กรมธรรม์และสำเนาทะเบียนรถ เป็นต้น

2. เคลมสด

        เคลมสด หมายถึง เคลมที่รถชนกัน ณ ที่เกิดเหตุ และยังมีผู้เสียหายในเหตุการณ์รอพนักงานเคลมอยู่ที่เกิดเหตุ ซึ่งการเคลมประเภทนี้ ผู้ขับขี่จะได้รับใบหลักฐานเพื่อใช้การติดต่อเรื่องค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อที่จะนำรถไปซ่อมศูนย์ครับ

3. เคลมความเสียหายมาก


        เคลมความเสียหายมาก หมายถึง เคลมที่เพิ่งจะเกิดขึ้นสดๆ หรือเกิดขึ้นนานแล้ว แต่เสียหายมากและเพิ่งมาแจ้งเหตุครับ เช่น รถเสียหายจนขับไม่ได้นานมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่เพิ่งมาแจ้งเหตุ เป็นต้น
        ทั้งนี้ ในระหว่างการเคลมนั้น พนักงานเคลมจะสอบถามข้อมูลต่างๆ ของผู้ขับขี่และคู่กรณี พร้อมทั้งให้คุณสรุปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าใครถูกใครผิด ซึ่งตรงนี้ ทั้งตัวคุณและคู่กรณีควรที่จะให้ความร่วมมือกับพนักงานครับ
        ต่อจากนั้น พนักงานก็จะถ่ายรูปตัวรถ สถานที่เกิดเหตุ เป็นต้น จากนั้น เมื่อเคลมเสร็จแล้ว พนักงานเคลมก็จะสรุปผลทั้งหมดและให้ข้อมูลว่าคุณจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างไรบ้าง ต้องนำรถไปซ่อมที่ไหน พร้อมทั้งสรุปค่าใช้จ่ายที่อาจจะมีเพิ่มเติม และพนักงานเคลมก็จะให้ใบเคลมเพื่อใช้ในการยื่นกับทางอู่หรือศูนย์ที่รับซ่อมครับ
        อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่เมื่อเกิดเหตุและคุณเป็นฝ่ายถูก แต่รถของคู่กรณีไม่มีประกันภัย คุณควรกลับไปตรวจสอบข้อมูลกับบริษัทประกันภัยด้วยว่า ได้บันทึกข้อมูลอุบัติเหตุไว้ว่าอย่างไร คุณเป็นฝ่ายถูกหรือไม่ หลังจากที่คุณเคลมประกันแล้ว ซึ่งถ้าไม่มีการระบุไว้ คุณอาจจะต้องเสียค่าประกันเพิ่มขึ้นในปีถัดไปได้ครับ

ดังนั้น สิ่งที่คุณต้องทำเพื่อให้การเคลมง่าย เป็นไปอย่างรวดเร็ว และไม่ผิดพลาดก็คือ…


        – หากเกิดเหตุรีบแจ้งพนักงานประกันมาตรวจสอบทันที
          – หลังจากโทรแจ้งแล้วให้ขอข้อมูลพนักงานเคลมที่จะมาเคลมให้คุณ
          – ในระหว่างที่รอพนักงานเคลมนั้น คุณควรเจรจาไกล่เกลี้ยกับคู่กรณีว่าใครผิดใครถูก

          – หลังจากผ่านไปสักวันสองวันแล้ว ควรโทรไปสอบถามบันทึกที่พนักงานเคลมบันทึกเอาไว้ ว่าตรงตามความเป็นจริงหรือไม่
          – หากไม่รู้ว่าคู่กรณีเป็นใคร หรือจำทะเบียนรถไม่ได้ ให้รีบโทรแจ้งตำรวจและบอกลักษณะของรถคู่กรณีเท่าที่จำได้

          อย่างไรก็ตาม หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาไม่ว่าจะร้ายแรงหรือเล็กน้อยก็ตาม สิ่งแรกที่ควรจะทำคือตั้งสติไว้ก่อนครับ จากนั้นค่อยลงมาตรวจสอบความเสียหายและเรียกประกันมาตรวจสอบ และไม่ควรใช้อารมณ์ในการเจรจาไกล่เกลี้ยกับคู่กรณีนะครับ เพราะจะทำให้เรื่องยากขึ้นครับ

การแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อขอเลขเคลม (กรณีไม่มีคู่กรณี)

        คนเรา จะมือใหม่ มือเก๋า บางครั้งก็มีผิดพลาดกันได้บ้าง อาจจะไปเฉี่ยวไปชนเสา ถังขยะ กระถางต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรือวัตถุอื่นๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ บางทีก็ไม่ได้เป็นที่เราแต่เป็นคนอื่นที่แอบมาเฉี่ยวชน จนโดนเอาตัวอย่างสีไปซะอย่างนั้น

แต่ถ้าหากรถเรามีประกันชั้น 1 แต่ต้องเคลมโดยไม่มีคู่กรณี เราจะต้องทำยังไงบ้างล่ะ? มาดูกันครับว่า ต้องทำอย่างไรบ้าง


แจ้งนำรถเข้าซ่อม


แจ้งศูนย์บริการที่จะนำรถเข้าซ่อม


        - แจ้งรายละเอียดว่าเกิดอะไรขึ้น และเราต้องการนำรถเข้าซ่อม ทางศูนย์บริการจะให้เราแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อแจ้งเคลม และขอเลขเคลมมา


ติดต่อบริษัทประกันภัยรถยนต์

        - แจ้งบริษัทประกันภัยรถยนต์ที่เราทำประกันรถยนต์เอาไว้ แจ้งว่าเราต้องการขอเลขเคลมเพื่อนำรถยนต์เข้าซ่อม บริษัทประกันภัยจะรับแจ้ง ขอรายละเอียดของอุบัติเหตุเพื่อทำเรื่องต่อ

การแจ้งเหตุแบบไม่มีคู่กรณี




  1. แจ้งวัน เวลาเกิดเหตุ
    แจ้งวัน และเวลาเกิดเหตุโดยแจ้งให้ใกล้เคียงวันที่เราแจ้งเคลมมากที่สุด เช่น หากเราแจ้งเคลมวันที่ 24 สิงหาคม ก็ให้แจ้งว่าเกิดเหตุวันที่ 23 สิงหาคม เป็นต้น หากเราแจ้งเหตุวัน-เวลาจริงทางบริษัทประกันภัยอาจจะอ้างว่าเหตุเกิดนานแล้ว และไม่รับแจ้งได้ครับ
  2. แจ้งว่าชน หรือเฉี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต
    คือแจ้งว่าชน เฉี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น กระถางต้นไม้ รั้ว กำแพง เสา เป็นต้น แต่ต้องดูให้สมจริงที่สุดด้วย เช่น แผลอยู่กันชนด้านหลัง บอกว่าชนกระถางก็ยังน่าเชื่อถือ ถ้าไฟหน้าแตก จะบอกว่าชนกระถางก็กระไรอยู่ จริงไหมครับ แต่ทางบริษัทประกันภัยก็อาจจะเล่นแง่อีก ดังนั้นอย่าบอกว่าโดนชนแล้วหนีนะครับ ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนทางบริษัทประกันขอให้ตามหาคู่กรณี แล้วเรื่องก็จะยืดเยื้อไปเรื่อย ไม่ได้เคลมสักทีนั่นเองครับ
  3. ขอเลขเคลมได้ทั้งคั้น
    การขอเลขเคลมนี้ เราสามารถขอเลขเคลมได้ทั้งคันนะครับ ไม่ว่าเราจะชนมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ว่าอย่าลืมทำตามข้อ 1 นะครับ คือแจ้งวันเกิดเหตุให้ใกล้กับวันแจ้งเหตุที่สุดจะเป็นการดี หากมีหลายแผล หลายระดับความเก่า อันนั้นคงต้องคิดแผนกันอีกทีครับ
  4. ได้เลขเคลมแล้ว
    เมื่อได้เลขเคลมแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วครับว่าเราจะนำรถเข้าซ่อมเมื่อไหร่ ไม่ได้จะต้องนำรถเข้าซ่อมทันทีหลังได้เลขเคลมนะครับ ใบเคลมจะมีอายุประมาณ 1 ปี เอาเป็นว่านำรถเข้าซ่อมก่อนใบเคลมหมดอายุก็พอครับ
  5. นำรถเข้าซ่อม
    เมื่อได้ฤกษ์จะนำรถเข้าซ่อม ก็เพียงแค่นำรถไปที่ศูนย์บริการ พร้อมใบเคลมครับ ยื่นใบเคลม พร้อมเซ็นเอกสารสั่งซ่อม ทางศูนย์ก็จะทำการประเมินแล้วนัดวันรับรถ หากซ่อมจุกจิก ทางบริษัทประกันอาจจะแนะนำอู่ให้เราถือใบเคลมไปเปลี่ยนเอง แบบนั้นก็สามารถนั่งรอรับรถได้เลยครับ
  6. ชื่อคนขับไม่ตรงกับชื่อคนแจ้งเคลม
    ส่วนนี้จริงๆ แล้วไม่น่าจะมีปัญหานะครับ เพราะส่วนใหญ่คนที่มีพลขับรถก็จะให้พลขับเป็นคนจัดการ และเป็นคนเซ็นใบเคลม แต่หากบริษัทประกันจะเล่นแง่ ก็บอกตามจริงไป ว่าเอารถสามี หรือภรรยามาขับ เรื่องมากอีก ขู่ว่าจะถอนประกันไปทำกับบริษัทอื่นเลยครับ

                   
ติดตามสาระความรู้ และเคล็ดลับดีๆเกี่ยวกับประกันภัยได้ที่  insurancebroker88.blogspot.com
ขอขอบคุณข้อมูลจาก: autozeed, buyatsiam, insurancethai, MoneyGuru.co.th ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2559

การเคลม (ฟรี) ประกันภัยรถยนต์ชั้น ๑ ชนิดไม่มีคู่กรณี ทำยังไงย : #เคลมประกัน





การเคลม (ฟรี) ประกันภัยรถยนต์ชั้น ๑ ชนิดไม่มีคู่กรณี ทำยังไงย : #เคลมประกัน #ประกันรถเก๋ง #ต่อประกันรถยนต์

หลายครั้งที่คุณสาวๆ ทั้งหลายขับรถไปแล้วเกิดเฉี่ยวหรือชนเข้ากับวัตถุที่อยู่ริมถนนโดยไม่ตั้งใจ เช่น กระถาง กระบะปลูกต้นไม้หน้าบ้าน หรือแม้แต่กำแพง หรือเสารั้วตอนที่จะเลี้ยวเข้าบ้าน หรือบางทีก็โดนรถจักรยานยนต์เฉี่ยวเอาตัวอย่างสีแล้วหนีไปซะงั้น ไม่สามารถตามตัวได้ รู้ทั้งรู้อยู่ว่ารถเรามีประกันภัยชั้น ๑  แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเคยได้ยินมาแต่ว่า การเคลมประกันเพื่อสั่งซ่อมนั้นต้องมีคู่กรณี ๒ ฝ่าย คือเรากับฝ่ายผู้ก่อเหตุ
แต่คราวนี้เราเป็นผู้ก่อเหตุซะเองกับสิ่งไม่มีชีวิต หรือผู้ก่อเหตุหนีไปในกลีบถนนแล้วเนี่ย เราจะทำยังไงดี จะเคลมแบบไม่มีคู่กรณีได้มั้ย ขอเชิญติดตาม


การแจ้งบริษัทประกันภัย เพื่อขอเลขเคลมสั่งซ่อมแบบไม่มีคู่กรณีนั้น สามารถทำได้ และทำกันมาหลายแล้วด้วย พอๆ กับการแจ้งเคลมแบบมีคู่กรณีนั่นแหละ เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ทุกวันและทุกเวลา

ขั้นตอนการแจ้งเพื่อนำรถเข้าซ่อม๑. แจ้งไปที่ศูนย์บริการที่เราซื้อรถคันนี้มาว่า เราจะนำรถเข้าซ่อม โดนอะไรก็แจ้งเขาไป แล้วทางศูนย์บริการก็จะบอกให้เราไปแจ้งบริษัทประกันภัยเพื่อขอเลขเคลม

๒. ไปที่บริษัทประกันภัยที่เราได้ทำไว้ แล้วแจ้งทางบริษัทว่าจะขอเลขเคลมเพื่อจะนำรถเข้าซ่อม ทางบริษัทประกันภัยจะให้เขียนรายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุ
ทริคการแจ้งรายละเอียดของการเกิดอุบัติเหตุแบบไม่มีคู่กรณี
-แจ้ง วัน เวลาของการเกิดอุบัติเหตุให้ใกล้วันที่แจ้งเคลมให้มากที่สุด เช่น แจ้งเคลม ๖ พ.ย. ก็แจ้งวันที่เกิดเหตุว่า เกิดเหตุวันที่ ๕ พ.ย. เป็นต้น หรือถ้าไปแจ้งตอนบ่าย ก็แจ้งในใบแจ้งรายละเอียดว่าเกิดเหตุตอนเช้าวันที่แจ้งไปเลย เพราะถ้าแจ้งวัน เวลาตามความเป็นจริง บริษัทอาจจะหัวหมอโดยอ้างว่าเกิดเหตุนานมาแล้วไม่รีบแจ้ง อาจจะยึกยักให้เราปวดเศียรเวียนเกล้าได้
-แจ้งการเกิดเหตุโดยแจ้งว่าได้ ชนหรือเฉี่ยวกับสิ่งไม่มีชีวิต เช่น กระถาง กำแพง เสารั้ว แต่ต้องให้ดูสมจริงด้วย ไม่ใช่ว่าแผลอยู่ตรงกับแนวไฟท้าย แต่แจ้งว่าชนกระถาง ใครๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่ แบบนี้ก็อาจโดนเล่นแง่ได้เหมือนกัน เรื่องแจ้งว่าชนกับอะไรนั้น ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไร เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่าเราขับไปชนอะไรมา แต่ในกรณีชนแล้วหนีเนี่ย ต้องแต่งเรื่องนิดหน่อย โดยอย่าบอกว่าโดนชนแล้วหนีเด็ดขาด เพราะอาจจะโดนเล่นแง่ให้ไปตามคู่กรณีได้ ดังนั้นถ้าให้ชัวร์ แจ้งว่าชนกับสิ่งไม่มีชีวิตดีที่สุดครับ

-สามารถแจ้งขอเลขเคลมได้ทั้งคัน ไม่ว่าจชนมานานแค่ไหน แต่อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า ให้แจ้งวัน เวลาที่เกิดเหตุให้ใกล้วันแจ้งให้มากที่สุดจะดีที่สุด ถ้ามีหลายแผลหลายรอยก็ต้องคิดกันหน่อยตรงนี้

 ๓. ทางบริษัทประกันภัยอาจะขอดูรถเรา ก็ให้เขาดูไป แต่ถ้าไม่ได้เอารถมาด้วย ก็สามารถนัดวันให้บริษัทมาดูได้ แต่ถ้าเขาไม่พูดถึงเราก็ไม่ต้องถาม

๔. เมื่อได้เลขเคลมมาแล้วก็แล้วแต่เราล่ะว่าจะนำรถเข้าซ่อมเมื่อไร ไม่จำเป็นว่าได้เลขเคลมมาแล้วต้องนำรถเข้าซ่อมทันที แต่ใบเคลมนี้มีอายุประมาณ ๑ ปี 

๕.เมื่อจะนำรถเข้าซ่อมก็นำรถไปที่ศูนย์ บริการที่เราซื้อรถมาพร้อมนำใบเคลมติดไปด้วย ยื่นใบเคลมให้ พร้อมเซ็นชื่อสั่งซ่อม ทางศูนย์บริการจะนัดวันมารับรถ หรือหากว่าเป็นการซ่อมไมไหญ่ เช่น โดนทุบกระจก บริษัทประกันจะแนะนำอู่ให้เราถือใบเคลมไปเปลี่ยนเอง แบบนี้เราก็สามารถรอรถได้เลย

--หากชื่อเจ้าของรถไม่ตรงกับชื่อคนแจ้งเคลม ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะคนที่มีพลขับส่วนใหญ่ก็จะให้พลขับเป็นคนเซ็นใบเคลม แต่ถ้าบริษัทยึกยักเล่นแง่หัวหมอ ก็อธิบายไปตามความจริง เช่น ชื่อสามี แต่เราเป็นคนใช้รถ หรือบอกว่า เราเป็นภรรยาของเจ้าของรถ ถ้ายังเรื่องมากอีกก็ใช้ไม้ตายขุ่ว่าจะถอนประกันภัยแล้วจะไปทำประกันภัยกับ บริษัทอื่น รับรองรายไหนรายนั้น ยอมทำให้แน่นอน

ปล.ที่บอกว่าเพื่อคุณสุภาพสตรีเพราะคิดว่าคุณผู้ชายคงทราบดีอยู่แล้ว

ขอขอบคุณข้อมูลโดย tqm.co.th/เกร็ดความรู้/การเคลมประกันภัยรถยนต์ชั้น-๑-ชนิดไม่มีคู่กรณี-แบบฟรี

เผยแพร่เพิ่มโดย  NT ประกันภัยฯ โทร.094-5258696 id:line ees004